ผลฟุตบอลเอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศ | แมนเชสเตอร์ซิตี้ 1 - 0 สโต๊คซิตี้
ผลฟุตบอลเอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศ | แมนเชสเตอร์ซิตี้ 1 - 0 สโต๊คซิตี้ |
ผลฟุตบอลเอฟเอคัพรอบชิงชนะเลิศ | แมนเชสเตอร์ซิตี้ 1 - 0 สโต๊คซิตี้
โรแบร์โต มันชินี พาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 5 ได้สำเร็จทีม"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้กัปตันทีม คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์หายจากอาการบาดเจ็บกลับมายืนเป็นศูนย์หน้าคู่กับ มาริโอ บาโลเตลลี ทางฝั่ง "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี ของ โทนี พูลิส มองหาแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ได้แมทธิว เอเธอริงตัน ปีกตัวจี๊ดฟิตทันกลับมาบัญชาเกมทางริมเส้น ส่วน โจนาธาน วอลเตอร์ส และ เคนวิน โจนส์ ยืนเป็นคู่หน้า
แมนฯ ซิตี เป็นฝ่ายครองบอลดีกว่าเล็กน้อยเมื่อเริ่มครึ่งแรก กระทั่งผ่านมา 5 นาทีได้โอกาสลุ้นก่อนจากลูกสับไกนอกเขตโทษของ คาร์ลอส เตเบซ ให้ โธมัส โซเรนเซน ต้องออกแรงพุ่งปัดทิ้ง อีก 4 นาทีถัดมา ไนเจล เดอ ยอง ตะบันเต็มข้อบนเส้น 18 หลาแต่เหินข้ามคานไปไกล นาที 11 ยายา ตูเร ส่องไกลระยะกว่า 30 หลาหลุดกรอบประตูเล็กน้อย
หลังผ่าน 15 นาทีแรก สโต๊ค ซิตี ก็เริ่มทำเกมของตัวเองได้มากขึ้น แต่ยังหาโอกาสยิงประตูแบบจะแจ้งไม่ได้ เกมผ่านมาถึงนาที 24 เป็นจังหวะลุ้นของ เรือใบสีฟ้า อีกครั้ง คราวนี้ มาริโอ บาโลเตลลี ปั่นด้วยขวาบริเวณกรอบเขตโทษ โซเรนเซน โชว์ซูเปอร์เซฟเหินปัดทิ้งปลายมือ
นาที 29 ตูเร พยายามเลี้ยงบอลลุยขึ้นมาติดกองหลัง สโต๊ค ก่อนที่บอลมาเข้าทาง แวงซองต์ กอมปานี เติมเกมขึ้นมายิงหน้าเขตโทษเบาเกินไปถูก โซเรนเซน ล้มตัวรับสบาย อีก 5 นาทีถัดมา เตเบซ วางบอลข้ามกองหลังให้ บาโลเตลลี หลุดเข้าเขตโทษ กองหน้าอิตาเลียนเก็บบอลไม่ได้ บอลมาเข้าทาง ดาบิด ซิลบา วิ่งมาวอลเลย์บอลกระดอนพื้นข้ามคานอย่างน่าเสียดาย หลังจากนั้นไม่มีจังหวะลุ้นประตูอีก จบ 45 นาทีแรกเสมอ 0-0
สโต๊ค ครองบอลบุกดีขึ้นในช่วงเริ่มครึ่งหลัง แต่เหมือน 45 นาทีแรกที่หาจังหวะจบสกอร์แบบชัดเจนไม่ได้ กลายเป็น แมนฯ ซิตี ได้ลุ้นประตูนาที 57 เตเบซ หลุดขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนตบกลับมาให้ ซิลบา ยิงไปแฉลบ ชอว์ครอสส์ ออกหลัง เกมมาถึงนาที 61 ทีมของโทนี พูลิส มีโอกาสทองใกล้เคียงที่สุดต่อการได้ประตู เมื่อ เคนวิน โจนส์ ได้บอลโยนยาวมาจากแดนหลังจนหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ โจ ฮาร์ท แต่กลับยิงไม่ผ่านตัวนายด่านทีมชาติอังกฤษอย่างน่าผิดหวัง
อีก 3 นาทีถัดมา เตเบซ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนพลิกตัวยิงด้วยขวาไปตรงตัว โซเรนเซน รับเข้าซอง กระทั่งนาที 74 ความพยายามของ เรือใบสีฟ้า มาประสบผลสำเร็จจากการประสานงานกันระหว่าง ซิลบา และ บาโลเตลลี จนปีกชาวสเปนหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนจ่ายคืนมาให้ บาโลเตลลี ยิงแฉลบกองหลัง สโต๊ค แต่บอลกระดอนมาเข้าทาง ตูเร่ ซัดเต็มข้อบริเวณจุดโทษตาข่ายเกือบขาดกระจุยให้ แมนฯ ซิตี ขึ้นนำ 1-0
พูลิส พยายามปรับเปลี่ยนทีม แต่เกมของ สโต๊ค ยังไม่ดีขึ้น กลับเป็น แมนฯ ซิตี ที่ได้ลุ้นอีกครั้งในนาที 83 เมื่อ ซิลบา เก็บบอลได้ในเขตโทษ ก่อนสับไกลอดขา ชอว์ครอสส์ เกือบเข้าเสาสอง แต่ถูก โซเรนเซน ปัดทิ้งออกมาได้ หลังจากนั้นทีมของ โรแบร์โต มันชินี ก็รักษาสกอร์นำจนจบ 90 นาทีจึงเป็นฝ่ายเอาชนะ 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 ของสโมสรและเป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี ส่วน สโต๊ค ได้รางวัลปลอบใจเป็นตั๋วลุยยูโรปา ลีก ในฤดูกาลหน้า
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท, โจเลียน เลสคอตต์, แวงซองต์ กอมปานี, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, แกเร็ธ แบร์รี, ยายา ตูเร, ไนเจล เดอ ยอง, ดาบิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเบซ, มาริโอ บาโลเตลลี
สโต๊ค ซิตี : โธมัส โซเรนเซน, แอนดี วิลกินสัน, โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ชอว์ครอสส์, เกล็นน์ วีแลน, รอรีย์ ดีแลป, เจอร์แมน เพนเนนท์, แมทธิว เอเธอริงตัน, มาร์ก วิลสัน, โจนาธาน วอลเตอร์ส, เคนวิน โจนส์
ประตู
1 - 0 ยาย่า ตูเร่ น.74