ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | สวอนซี ซิตี 3 - 2 อาร์เซนอล

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | สวอนซี ซิตี 3 - 2 อาร์เซนอล
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | สวอนซี ซิตี 3 - 2 อาร์เซนอล
"ปืนโต" อาร์เซนอล ชวดทำคะแนนไล่จี้ทีมท้อปโฟร์ หลังพลาดท่าบุกแพ้ต่อ "หงส์ขาว" สวอนซี แบบพลิกล็อก 2-3 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สวอนซี ซิตี 3 - 2 อาร์เซนอล

"ปืนโต" อาร์เซนอล เดินทางบุกเยือนสนามลิเบอร์ตี สเตเดียม บ้านของ "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี โดยเกมนี้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี หัวหอกฟอร์มแรงกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงให้ อาร์เซนอล อีกครั้ง หลังจากได้พักในเกมเอฟเอ คัพ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วน เธียร์รี อองรี ตำนานดาวยิงซึ่งเป็นฮีโร่นัดล่าสุดนั่งสำรองก่อนตอนแรก นอกจากนี้มี ธีโอ วัลคอตต์ และ อังเดร อาร์ชาวิน เดินเกมรุก ทางฝั่งเจ้าถิ่นเน้นเกมรับส่ง แดนนี แกรห์ม ยืนกองหน้าคนเดียว

เปิดฉากครึ่งแรกไม่ถึงนาที สวอนซี ทักทายก่อน เคมีย์ อกุสติน ลากบอลมาซัดหน้าเขตโทษไม่ตรงกรอบ แต่ถัดมานาที 4 อาร์เซนอล ก็เป็นฝ่ายทำประตูออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว อาร์ชาวิน แทงบอลทะลุกองหลังให้ ฟาน เพอร์ซี หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนซัดมุมแคบผ่านมือ มิเชล ฟอร์ม นายด่านเจ้าถิ่นซุกก้นตาข่าย

อย่างไรก็ตาม เกมมาถึงนาที 15 นาธาน ดายเออร์ เก็บบอลได้ในเขตโทษก่อนถูก อารอน แรมซีย์ สะกิดขาหลังล้มลงจน หงส์ขาว ได้ลูกจุดโทษ สกอตต์ ซินแคลร์ รับหน้าที่สังหารผ่านมือ วอจเชียช เซสนีย์ เข้าไปให้เจ้าบ้านตามตีเสมอ 1-1 อีก 3 นาทีถัดมา 18 แรมซีย์ เกือบแก้ตัวให้ ปืนโต หลังได้บอลจาก ฟาน เพอร์ซี หลุดเข้าไปแตะหลบ ฟอร์ม แล้วพยายามซัดมุมแคบ แต่มุมบีบเกินไปจนยิงไปชนเสาสอง

อาร์เซนอล มีโอกาสทองอีกครั้งในนาที 29 อาร์ชาวิน จ่ายบอลตัดแผงหลังให้ ฟาน เพอร์ซี หลุดกับดักล้ำหน้าแตะบอลเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ ฟอร์ม ในกรอบเขตโทษ แต่ดาวยิงชาวดัตช์ซัดไม่ผ่านตัวนายด่านเพื่อนร่วมชาติ ขณะที่ สวอนซี ก็มีลุ้นเช่นกันในนาที 40 ดายเออร์ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนโยกหลบ อิกนาซี มิเกล มาสับไกยิงตรงหน้าเขตโทษ บอลตรงตัว เชสนีย์ รับเข้าซอง สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีกจบครึ่งแรก

ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ลงสนามมาบุกต่อในครึ่งหลังทันที ฟาน เพอร์ซี จ่ายบอลให้ วัลคอตต์ หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ซัดเหินข้ามคาน ถัดมานาที 48 วัลคอตต์ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนไหลคืนมาให้ ยอสซี เบนายูน ซัดด้วยขวาออกหลังไปเช่นกัน ด้าน สวอนซี มีโอกาสลุ้นในนาที 51 ดายเออร์ เก็บตกบอลได้จากลูกเตะมุม ก่อนฮาล์ฟวอลเลย์โด่งออกหลัง

เจ้าถิ่นเริ่มครองเกมบุกเหนือกว่า ถัดมานาที 53 โจ อัลเลน กระชากบอลขึ้นมายิงหน้าเขตโทษ บอลไม่ตรงกรอบ กระทั่งนาที 57 แรมซีย์ เสียบอลในแดนตัวเองจนบอลมาเข้าทาง อัลเลน จ่ายให้ ดายเออร์ วางเท้ายิงเน้นๆหน้าเขตโทษ บอลผ่านมือ เชสนีย์ ตุงตาข่ายให้ หงส์าขาว พลิก นำ 2-1

หลังจากเสียประตู ปืนโต ปรับแนวรุกส่ง อองรี ลงสนามมาในนาที 63 แทนที่ อาร์ชาวิน และ โทมัส โรซิชกี ก็แทนที่ เบนายูน กระทั่งอีก 5 นาทีถัดมาทีมเยือนก็ตามตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ โยฮัน ฌูรู แทงบอลจากกลางสนามให้ วัลคอตต์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้ายิงสวนตัว ฟอร์ม ซุกก้นตาข่าย อย่างไรก็ตามนาทีเดียว สวอนซี พลิกนำอีกครั้งเป็น 3-2 อองรี จ่ายบอลพลาดตรงกลางสนาม ก่อนที่ อัลเลน จ่ายให้ แกรห์ม หลุดเข้าไปยิงสวนตัว เชสนีย์ ไม่เหลือซาก

เกมมาถึงนาที 72 แพร์ แมร์เตซักเกอร์ น่าจะทำประตูตีเสมอให้ อาร์เซนอล จากจังหวะเตะมุม แต่กองหลังทีมชาติเยอรมนีซัดหน้าปากประตูออกหลังไปแบบไม่น่าเชื่อ อาร์เซนอล มีโอกาสทองอีกครั้งในนาที 83 วอลคอตต์ วางบอลจากริมเขตโทษด้านขวามาให้ แรมซีย์ โขกเต็มศีรษะ แต่ก็ไปตรงตัว ฟอร์ม รับเข้ซอง ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนครองเกมบุกต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทวงประตูคืนได้จบเกมจึงแพ้ไป

อาร์เซนอล อยู่อันดับที่ 5 มีคะแนน 36 แต้มเท่าเดิมตามหลัง "สิงห์บลู" เชลซี ทีมอันดับสี่ห่าง 4 แต้ม ขณะที่ สวอนซี เก็บเพิ่มเป็น 26 แต้ม ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 10 ของตาราง

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สวอนซี ซิตี - มิเชล ฟอร์ม, แอชลีย์ วิลเลียมส์, สตีเวน คอลเกอร์, นีล เทย์เลอร์, แองเคล แรนเกล, ลีออน บริททัน, เคมีย์ อากุสติน, สกอตต์ ซินแคลร์, นาธาน ดายเออร์, แดนนี แกรห์ม, โจ อัลเลน
อาร์เซนอล - วอจเชียช เซสนีย์, โลรองต์ คอสเซียลนีย์, แพร์ แมร์เตซักเกอร์, อิกนาซี มิเกล, โยฮัน ฌูรู, ยอสซี เบนายูน, อเล็กซ์ ซง, อังเดร อาร์ชาวิน, ธีโอ วัลคอตต์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี, อารอน แรมซีย์
Read More

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | นิวคาสเซิ่ล 1 - 0 ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | นิวคาสเซิ่ล 1 - 0 ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 15 ม.ค. 55 | นิวคาสเซิ่ล 1 - 0 ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์

ลีออน เบสท์ กองหน้าชาวไอริช ซัดประตูชัยนาที 37 ช่วยให้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เฉือนชนะ ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ 1-0 พร้อมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6 ของตาราง ในเกมลีกลูกหนังเมืองผู้ดีเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมมา

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปิดสนามสปอร์ต ไดเร็ก อารีนา รับมือ "ทหารเสือราชินี" ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ โดยเจ้าถิ่นมีปัญหาขาด เดมบา บา หัวหอกตัวเก่ง และ ชีก ติโอเต มิดฟิลด์ตัวรับจากการไปทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ทำให้แดนกลางเป็น แดนนี กัทธรี ลงมาคุมเกมร่วมกับ โยฮัน กาบาย ขณะที่ ลีออน เบสท์ ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ โชลา อเมโอบี ด้านทางทีมเยือนที่เพิ่งได้ มาร์ก ฮิวจ์ส เป็นกุนซือคนใหม่ อดใช้งาน โจอี บาร์ตัน จากการติดโทษแบน แต่ยังมี ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ ปีกตัวจี๊ดคอยลากเลื้อยให้คู่หัวหอก เจย์ โบธรอยด์ และ ไฮดาร์ เฮลกูสัน

เปิดฉากครึ่งแรก ควีนส์ปาร์ค ออกสตาร์ทดีกว่า ผ่านมาถึงนาที 6 ก็มีโอกาสลุ้นก่อน เอกอส บุซซากีย์ สับไกยิงจากนอกเขตโทษบอลไปตรงตัว ทิม ครูล นายด่านเจ้าถิ่น ถัดมานาที 16 กองหลังนิวคาสเซิลเสียบอลในกรอบเขตโทษตัวเอง ก่อนที่บอลมาเข้าทาง ฌอน ไรท์ - ฟิลลิปส์ ยิงด้วยขวาเช็ดคานออกหลัง

ด้าน สาลิกาดง มีลุ้นครั้งแรกในนาที 26 จากฟรีคิกทางริมเส้นด้านขวา ไรอัน เทย์เลอร์ วางบอลมาเข้าหัว โจนาส กูเตียร์เรส โหม่งข้ามคาน ถัดมานาที 30 เจย์ โบธรอยด์ ตัดบอลมาจากกองหลังบริเวรริมเขตโทษด้านซ้ายของเจ้าถิ่น ก่อนเลี้ยงตัดมายิงตรงกลาง บอลผ่านมือ ครูล แต่ก็โค้งหลุดเสาสอง

กระทั่งนาที 37 กลายเป็น นิวคาสเซิล ซึ่งทำเกมบุกน้อยกว่ามาทำประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ โชลา อเมโอบี พักเอาบอลลงในเขตโทษ ก่อนแตะย้อนมาให้ เทย์เลอร์ ซึ่งจิ้มต่อให้ ลีออน เบสท์ ในเชตโทษใช้ความสามารถเฉพาะตัวแตะหลบกองหลังแล้วหลอกยิงเสาสองผ่านตัว แพทริก เคนนี นายด่านทีมเยือนเข้าไป หลังจากนั้นไม่มีจังหวะหวาดเสียวอีกจบเกมครึ่งแรก

เกมครึ่งหลังเป็น คิวพีอาร์ ครองเกมบุกมากกว่า ในนาที 51 เจมี แม็คคี โหม่งบอลจากลูกเปิดของ บุซซากีย์ ในเขตโทษย้อนกลับมาให้ โบธรอยด์ วิ่งมาซัดเน้นๆ แต่เหินข้ามคานแบบไม่น่าเชื่อ อีก 2 นาทีถัดมาจากจังหวะโต้กลับเร็ว บุซซากีย์ แทงบอลตัดแนวรับเจ้าถิ่นให้ โบธรอยด์ หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ถูก ครูล ปัดทิ้งเสาแรก

ด้าน นิวคาสเซิล รูปเกมไม่ไหลลื่นต่อบอลกันขึ้นไปลุ้นสกอร์เพิ่มแบบชัดเจนไม่ได้ จนกระทั่งนาที 70 จึงมีโอกาสจากจังหวะที่ เคนนี ออกจากหน้าปากประตูตัวเองมาตัดบอลนอกเขตโทษ ทำให้ กูเตียร์เรส ฉวยยิงไกล แต่ดียังมีกองหลังทีมเยือนยืนอยู่โหม่งเคลียร์ทิ้งออกมาจากหน้าประตูหวุดหวิด

ทีมเยือนส่ง เฟเดริโก มาเคดา หัวหอกดาวรุ่งที่ยืมตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนาที 76 เพื่อเติมเกมรุก แต่แนวรับของเจ้าถิ่นก็ช่วยกันดีจนไม่สามารถทำอะไรได้สุดท้ายจบเกมเป็น สาลิกาดง เฉือนเอาชนะแบบหวุด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มมีเพิ่มเป็น 36 แต้ม ขึ้นมาอยู่ที่ 6 ของตาราง ส่วน คิวพีอาร์ มี 17 แต้มเท่าเดิมอยู่ที่ 18 ของตาราง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

นิวคาสเซิ่ล : ทิม ครูล, ฟาบริซิโอ้ โคลอชชินี่, ไมเคิ่ล วิลเลียมสัน, ดาวิเด้ ซานตอน, แดนนี่ ซิมป์สัน, แดนนี่ กัทธรี่, โยฮัน กาบาย(เบน อาร์กฟา น.25), ไรอัน เทย์เลอร์ (กอสลิ่ง น.82), โจนาส กูเตียร์เรซ, ลีออน เบสท์ (เพิร์ช น.77), โชล่า อเมโอบี้

ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ : แพทริช เคนนี่, เดเนียล แก๊บบิดอน, แอนตัน เฟอร์ดินานด์, คลินท์ ฮิลล์, ลุค ยัง, ฌอน เดอร์รี่, อากอส บูซซากี้ (มาเคด้า น.76), ฌอน ไรท์-ฟิลิปส์, เจมี่ แม็คกี, เจย์ โบธรอยด์, ไฮดาร์ เฮลกูสัน (สมิธ น.65)
Read More

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | สเปอร์ส์ 1 - 1 วูล์ฟแฮมป์ตัน

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | สเปอร์ส์ 1 - 1 วูล์ฟแฮมป์ตัน
คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | สเปอร์ส์ 1 - 1 วูล์ฟแฮมป์ตัน
ประตู
0 - 1 : สตีเวน เฟลทเชอร์ น.21
1 - 1 : ลูกา โมดริช น.51
Read More

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | เชลซี 1 - 0 ซันเดอร์แลนด์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | เชลซี 1 - 0 ซันเดอร์แลนด์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | เชลซี 1 - 0 ซันเดอร์แลนด์ 
แฟรงค์ แลมพาร์ด กลายเป็นผู้ทำประตูแบบไม่ตั้งใจแต่ช่วยให้ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เฉือนเอาชนะ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ลงได้อย่างหวุดหวิด 1-0 เก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จ

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (14 ม.ค.55)


เชลซี 1-0 ซันเดอร์แลนด์
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ประตู :
1-0 แลมพาร์ด 13

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ลงสนามในรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ จัดทัพชุดหลักรับมือทีมที่ดีวันดีคืนอย่าง “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งนำโดยกุนซือมือดี มาร์ติน โอนีล โดยมี เฟร์นานโด ตอร์เรส ยืนค้ำในแนวรุก และบนอัฒจันทน์มีว่าที่แข้งใหม่ แกรี่ เคฮิลล์ มาชมเกมด้วย

แต่เป็นทีมเยือนที่ได้โอกาสทักทายก่อนจากจังหวะการเปิดของ สเตฟาน เซสเซญอง แต่ว่าโดน โบซิงวา สกัดบอลได้ทันก่อนที่จะถึง เจมส์ แม็คคลีน ที่รอจะจบสกอร์ ก่อนที่เจ้าบ้านจะโต้ตอบด้วยจังหวะการโขกของ ตอร์เรส ที่หลุดกรอบออกไป

จากนั้นมาถึงนาทีที่ 13 เชลซี ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะที่ ฆวน มาตา เปิดมาให้ ตอร์เรส ได้ซัดเต็มๆแต่ว่าไปชนคานกระเด้งลงมาโดน แฟรงค์ แลมพาร์ด ผ่านเข้าเส้นประตูไปแบบสุดเฮง เจ้าบ้านออกนำ 1-0

เจ้าบ้านยังคงทำได้ดีกว่า และมีจังหวะได้ลุ้นอีกครั้งจากฟรีคิกระยะไกลของ มาตา ที่ซัดไปติดเซฟของซิมง มิโญเลต์ แต่ทางด้าน ซันเดอร์แลนด์ เองก็พอจะมีความน่ากลัวในเกมรุกโดยเฉพาะ นิคลาส เบนดท์เนอร์ ที่สร้างปัญหาได้ไม่น้อย โดยมีจังหวะได้บอลจาก เซสเซญอง ก่อนหลุดไปซัดถากเสาออกไปนิดเดียว

เกมนี้ ตอร์เรส เล่นได้อย่างมั่นใจโดยเฉพาะหลังมีส่วนกับประตูแรก และยังมาโชว์พลิ้วหมุนตัวหาช่องก่อนซัดบอลถากเสาออกไป ก่อนที่เกมจะจบลงในครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 กันอยู่

ครึ่งหลังเกมกลับมาตึงเครียดและสูสีกันมากกว่าครึ่งแรก โดยต่างฝ่ายก็ต่างเรียกเอาจุดโทษโดยเชลซี ร้องในจังหวะที่ ตอร์เรส โดนจอห์น โอเช ดึงในเขตโทษ ขณะที่ทีมเยือนก็มีจังหวะที่ แอชลี่ย์ โคล ไปดึงใส่ เบนทด์เนอร์ เหมือนกันแต่ผู้ตัดสินมองข้ามทั้งสองจังหวะ

ซันเดอร์แลนด์ ก็มีจังหวะเกือบตีเสมอได้เหมือนกัน โดยเริ่มจาก เซสเซญอง จ่ายให้ เซ็บ ลาร์สสัน ก่อนจะเปิดต่อให้ แม็คคลีน ได้โอกาสโล่งๆที่เสาไกลแต่ว่ากลับยิงออกไปอย่างเหลือเชื่อทั้งที่ควรจะเป็นประตูตีเสมอไปแล้ว

จากนั้นทีมเยือนยังเป็นฝ่ายเล่นอย่างมีความหวังที่จะตีเสมอได้เพราะเชลซี ก็ปิดเกมไม่ลงเหมือนกัน และน่าจะตีเสมอได้สุดๆอีกครั้งจากการปั้นเกมของ เซสเซญอง คนเดิมที่พาบอลไปทางขวาก่อนเปิดเข้ามากลางประตู เคร็ก การ์ดเนอร์ ได้ยิงที่เสาแรกแบบต้องเป็นประตูแล้วแต่ก็ซัดพลาดอย่างเหลือเชื่อ

ช่วงท้ายเกมยังได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เบนทด์เนอร์ ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษไปดวลกับ ปีเตอร์ เช็ก แต่ว่าโดนออกมาบีบกดดันจนยิงหลุดกรอบออกไปอีก ซึีงสุดท้ายเกมจบลงด้วยชัยชนะหวุดหวิดสุดๆของเจ้าบ้าน 1-0 ยึดอันดับ 4 เหนียวแน่นในเวลานี้

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค, จอห์น เทอร์รี่, ดาวิด ลูอิซ, แอชลี่ย์ โคล, โจเซ่ โบซิงวา, โอริโอล โรเมอู, ราอูล เมเรเลส, รามิเรส , แฟรงค์ แลมพาร์ด (เอสเซียง น.73), ฆวน มาต้า(มาลูด้า น.84), เฟร์นานโด ตอร์เรส

ซันเดอร์แลนด์ : ซิมง มิโยเลต์, แมตธิว คิลกัลลอน(เทอร์เนอร์ น.45), จอห์น โอเช, คีแรน ริชาร์ดสัน(วิคแฮม น.81), ฟิลิป บาร์ดสลี่ย์, เดวิด วอห์น(การ์ดเนอร์ น.69), ลี คัตเตอร์โมล, เจมส์ แม็คคลีน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, นิคลาส เบนด์ทเนอร์, สเตฟาน เซสเซยง

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันที่ 14 ม.ค.2555

แอสตัน วิลลา เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
1-0 : ดาร์เรน เบนท์ น.56
1-1 : วิคเตอร์ อนิเชเบ น.69

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ ฟูแลม 3-1
1-0 : มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน น.45+4
2-0 : เดวิด ดันน์ น.45
2-1 : ดาเมียน ดัฟฟ์ น.56
3-1 : เมาโร ฟอร์มิกา น.78

เชลซี ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
1-0 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.13

ลิเวอร์พูล เสมอ สโต๊ค ซิตี 0-0

แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ โบลตัน 3-0
1-0 : พอล สโคลส์ น.45+1
2-0 : แดนนี เวลเบ็ก น.74
3-0 : ไมเคิล คาร์ริก น.83

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1
0-1 : สตีเวน เฟลทเชอร์ น.21
1-1 : ลูกา โมดริช น.51

เวสต์บรอมวิช แพ้ นอริช ซิตี 1-2
0-1 : แอนดรูว์ ซูร์แมน น.42
1-1 : เชน ลอง ลูกจุดโทษ น.68
1-2 : สตีฟ มอริสัน น.78
Read More

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโตค ซิตี้

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโตค ซิตี้

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโตค ซิตี้
ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไม่มีน้ำยาตามเคยกับการเล่นในแอนฟิลด์ เมื่อโดน “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้ บุกมายันเสมอได้อย่างไม่ยากเย็น 0-0 เก็บแต้มกลับบ้านสบายใจ

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (14 ม.ค.55)

ลิเวอร์พูล 0 - 0 สโต๊ค
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : -


“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงสนามในแอนฟิลด์หลังจากที่เพิ่งทำผลงานเยี่ยมบุกไปชนะแมนฯ ซิตี้ ในคาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศนัดแรก โดยเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นใช้ระบบ 4-5-1 ทิ้งเดิร์ค เคาท์ ไว้แค่คนเดียวในเกมรุก ขณะที่เกมรับเจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงสนามแทนดาเนี่ยล แอกเกอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บ

เกมนี้ลิเวอร์พูล ดูมีปัญหาไม่น้อยในการจะหาทางเจาะแนวรับของ สโต๊ค ที่ตั้งโซนกันได้อย่างเหนียวแน่น โดยโอกาสใกล้เคียงพอจะได้ลุ้นมีจังหวะลูกเตะมุมที่ชุลมุนชุลเกอยู่ในกรอบเขตโทษก่อนไปถึง ชาร์ลี อดัม ที่เสาไกลโดนต้นขาแต่โดนสกัดทิ้งได้ทันโดยนอกจากนั้นต้องบอกว่าหาจังหวะลุ้นทำประตูกันได้ยากและน้อยมากทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังนิ่งที่ 0-0

ครึ่งหลังกลับมาสู้กันใหม่ทรงบอลก็เหมือนเดิมคือเจ้าบ้านเป็นฝ่ายครองเกมมากกว่าแต่หาจังหวะลุ้นจะแจ้งแทบไม่ได้จริงๆ แม้จะมีการเปลี่ยนเอา แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงสนามมาเสริมแนวรุกก็ตาม

โอกาสที่น่าจะได้มากที่สุดมาในนาทีที่ 77 จากจังหวะที่ อดัม แทงทะลุช่องให้ เอ็นริเก้ หลุดไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางมา บอลแฉลบโจนาธาน วู้ดเกตก่อนที่จะถึง เคาท์ ได้ขึ้นโขกบอลจากระยะ 8 หลาแต่กดไม่ลงบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ

เคาท์ ยังมีโอกาสอีกครั้งในอีก 5 นาทีต่อมาจากจังหวะที่ เบลลามี่ เปิดมาให้ที่เสาไกลก่อนจะขึ้นโขกแต่ว่าไปเข้าหน้าต่างแทนเข้าประตู ต่อด้วยจังหวะที่ แคร์โรลล์ หลุดไปเปิดด้วยขวามาให้ เบลลามี่ โขกที่เสาไกลแต่โดนสกัดได้ก่อน

จังหวะต่อเนื่องกัน เบลลามี่ เปิดลูกเตะมุมมาให้ สเคอร์เทล โขกลงพื้นแต่บอลกระเด้งข้ามคานออกไปอีก ก่อนที่เจ้าบ้านจะพยายามบุกหนักแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือทำอะไรไม่ได้ จบเกมด้วยการเสมอ 0-0 และเป็นการเสมอในแอนฟิลด์เป็นเกมที่ 8 ของฤดูกาลแล้ว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,เซบาสเตียน โคอาเตส,มาร์ติน สเคอร์เทล,โฆเซ่ เอ็นริเก้,เจมี่ คาร์ราเกอร์,ชาร์ลี อดัม ,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน(เบลลามี่ น.74),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,สจ๊วต ดาวนิ่ง(แคร์โรลล์ น.58),เดิร์ก เคาท์

สโตค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น,โจนาธาน วู้ดเกท(วิลกินสัน น.78),ไรอัน ชอร์ครอสส์,โรเบิร์ธ ฮูธ,มาร์ค วิลสัน,รอรี่ ดีแลป,เกล็น วีแลน,วิลสัน ปาลาซิออส(ไวท์เฮด น.62),แมทธิว เอเธอริงตัน(ฟูเลอร์ น.87),โจนาธาน วอลเตอร์ส,ปีเตอร์ เคราช์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันที่ 14 ม.ค.2555

แอสตัน วิลลา เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
1-0 : ดาร์เรน เบนท์ น.56
1-1 : วิคเตอร์ อนิเชเบ น.69

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ ฟูแลม 3-1
1-0 : มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน น.45+4
2-0 : เดวิด ดันน์ น.45
2-1 : ดาเมียน ดัฟฟ์ น.56
3-1 : เมาโร ฟอร์มิกา น.78

เชลซี ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
1-0 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.13

ลิเวอร์พูล เสมอ สโต๊ค ซิตี 0-0

แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ โบลตัน 3-0
1-0 : พอล สโคลส์ น.45+1
2-0 : แดนนี เวลเบ็ก น.74
3-0 : ไมเคิล คาร์ริก น.83

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1
0-1 : สตีเวน เฟลทเชอร์ น.21
1-1 : ลูกา โมดริช น.51

เวสต์บรอมวิช แพ้ นอริช ซิตี 1-2
0-1 : แอนดรูว์ ซูร์แมน น.42
1-1 : เชน ลอง ลูกจุดโทษ น.68
1-2 : สตีฟ มอริสัน น.78
Read More

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน
คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 โบลตัน
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู :

1-0 สโคลส์ 45
2-0 เวลเบ็ค 74
3-0 คาร์ริค 83
Read More

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 14 ม.ค. 55 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 0 โบลตัน
พอล สโคลส์ คัมแบ็กเหมือนฝันเมื่อลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกนัดแรกยิงเบิกร่องให้ทีมได้ทันทีก่อนเอาชนะโบลตัน ขาดลอย 3-0 ขยับทำแต้มเท่าจ่าฝูงแมนฯ ซิตี้แล้ว

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (14 ม.ค.55)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 โบลตัน
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู :

1-0 สโคลส์ 45
2-0 เวลเบ็ค 74
3-0 คาร์ริค 83

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งโดยมีความหวังจะไล่บี้ แมนฯ ซิตี้ ที่ยังนำอยู่ 3 คะแนนและมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าต่อไป โดยเกมนี้มี พอล สโคลส์ ลงตัวจริงนัดแรกด้วยหลังเซอร์ไพรซ์ในเกมเอฟเอ คัพ สัปดาห์ก่อน โดยรับมือ โบลตัน ซึ่งไม่มีแกรี่ เคฮิลล์ ที่เตรียมย้ายไปเชลซีแล้ว

นัดนี้เปิดฉากมา ไมเคิล คาร์ริค ก็จ่ายให้กับ แดนนี่ เวลเบ็ค ได้โอกาสยิงทักทายตั้งแต่ต้นเกมทันทีแต่ว่าโดน อดัม บ็ฮกดาน เซฟได้อย่างสุดยอด

จากนั้นเกมดำเนินมาเรื่อยถึงในนาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้จุดโทษในจังหวะที่ แซท ไนท์ ทำฟาวล์ เวลเบ็ค ในเขตโทษ แต่ว่า บ็อกดาน ก็ยังช่วยทีมด้วยการเซฟลูกยิงจุดโทษของรูนี่ย์ ได้อย่างยอดเยี่ยม

บ็อกดาน ยังคงเป็นมารผจญสำหรับเจ้าบ้านเมื่อยังเซฟอุตลุดหยุดไม่ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำไปก่อนไม่ว่าจะเป็นโอกาสของ เวลเบ็ค หรือลูกฟรีคิกมันๆของ รูนี่ย์ ที่โดนเซฟได้อย่างสุดยอดเหมือนเดิม

แต่มาถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูออกนำไปก่อนราวกับมีการเขียนบท เมื่อคนทำประตูคือ พอล สโคลส์ ที่เพิ่งจะกลับมาช่วยทีม โดยเป็นจังหวะที่ นานี่ พยายามเปิดแต่ไปติดเดวิด วีเธอร์ บอลมาถึง รูนี่ย์ ยิงสวนไปเข้าทาง เวลเบ็ค ที่ต่อบอลให้ สโคลส์ จบสกอร์เข้าไป เป็นประตูแรกของสโคลส์ ในการกลับมาด้วย

ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ชักไม่ได้เหนือกว่าแล้วและเสียวจะโดนตีเสมอเหมือนกันจากโอกาสของ เกรตาร์ สไตน์สัน โขกไปแต่โดน ราฟาเอล สกัดทิ้งได้บนเส้น ก่อนที่ สโคลส์ จะโดนเปลี่ยนตัวออกให้อีกหนึ่งเก๋า ไรอัน กิ๊กส์ ลงสนามมา

แต่มาถึงนาทีที่ 74 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูหนีเป็น 2-0 โดยเป็น รูนี่ย์ ที่จ่ายต่อให้ เวลเบ็ค ตรงมุมกรอบเขตโทษก่อนจะซัดผ่าน บ็อกดาน เข้าไปอย่างเฉียบขาด โดยทั้งคนเปิดและคนยิงได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้ด้วยแต่เป็น เวลเบ็ค คนเดียวที่เล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนออกให้ ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นานเดซ ลงสนามแทน

อีก 9 นาทีถัดมา สกอร์ก็ขาดเป็น 3-0 โดยเป็นการยิงไกล 20 หลาของคาร์ริค ที่ได้บอลจ่ายจาก กิ๊กส์ ก่อนซัดเสียบมุมเข้าไปด้วยเท้าซ้ายอย่างสวยงาม เป็นประตูปิดท้ายในเกมนี้ด้วยให้ ยูไนเต็ด เก็บอีก 3 แต้มมีคะแนนเท่าจ่าฝูงแมนฯ?ซิตี้ ที่มีคิวลงสนามวันจันทร์แต่ยังแซงไม่ได้เพราะผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, ราฟาเอล, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริก, นานี, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เวย์น รูนีย์, แดนนี เวลเบ็ก
โบลตัน - อดัม บ็อกดาน, แซท ไนท์, เดวิด วีเทอร์, ซามูเอล ริเกตต์ส, เกรตาร์ ราฟน์ สไตน์สัน, ฟาบริซ มูอัมบา, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, มาร์ติน เปตรอฟ, คริส อีเกิลส์, ดาวิด เอ็นก็อก, มาร์ก เดวีส์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ประจำวันที่ 14 ม.ค.2555

แอสตัน วิลลา เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
1-0 : ดาร์เรน เบนท์ น.56
1-1 : วิคเตอร์ อนิเชเบ น.69

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ ฟูแลม 3-1
1-0 : มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน น.45+4
2-0 : เดวิด ดันน์ น.45
2-1 : ดาเมียน ดัฟฟ์ น.56
3-1 : เมาโร ฟอร์มิกา น.78

เชลซี ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
1-0 : แฟรงค์ แลมพาร์ด น.13

ลิเวอร์พูล เสมอ สโต๊ค ซิตี 0-0

แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ โบลตัน 3-0
1-0 : พอล สโคลส์ น.45+1
2-0 : แดนนี เวลเบ็ก น.74
3-0 : ไมเคิล คาร์ริก น.83

ทอตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1
0-1 : สตีเวน เฟลทเชอร์ น.21
1-1 : ลูกา โมดริช น.51

เวสต์บรอมวิช แพ้ นอริช ซิตี 1-2
0-1 : แอนดรูว์ ซูร์แมน น.42
1-1 : เชน ลอง ลูกจุดโทษ น.68
1-2 : สตีฟ มอริสัน น.78
Read More

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด
คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด
ประตู
1 - 0 อองรี นาที 78
Read More

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม | อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด
เธียร์รี อองรี ประเดิมสนามเกมแรกในการกลับมาเล่นให้ อาร์เซนอล อย่างสวยงาม โดยซัดประตูชัยช่วยให้ทีมเฉือนชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 จนผ่านเข้ารอบต่อไป ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม
อาร์เซนอล 1 - 0 ลีดส์ ยูไนเต็ด


อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม รับมือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมจากเดอะ แชมเปียนชิป โดยเกมนี้เป็นไปตามคาด เธียร์รี อองรี ตำนานดาวยิงซึ่งรีเทิร์นกลับมาช่วยเจ้าบ้านแบบยืมตัวก็มีชื่ออยู่ในทีมโดยเป็นตัวสำรองก่อน ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ตัดสินใจพักผู้เล่นหลายคนรวมถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงฟอร์มแรง จึงเป็นโอกาสของ มารูยาน ชามักห์ ลงมาล่าตาข่าย โดยมี อารอน แรมซีย์ อเล็กซ์ แชมเบอร์เลน และ มิเกล อาร์เตตา เป็นตัวสนับสนุน ทงฝั่งทีมเยือนเน้นเกมรับวาง ลูเซียโน เบกคิโอ ยืนเป็นหน้า

เปิดฉากครึ่งแรก อาร์เซนอล ทำเกมบุกเหนือกว่าตามความคาดหมาย ในนาที 4 แนวรับทีมเยือนจ่ายบอลพลาดในแดนตัวเองเสียบอลมาให้ แรมซีย์ ก่อนจ่ายต่อมาให้ ชามักห์ ที่แตะเร็วไปถึง อาร์ชาวิน ซัดหน้าเขตโทษเหินข้ามคาน ต่อมานาที 15 อาร์เตตา เปิดฟรีคิกจากริมเส้นด้านขวาให้ เซบาสเตียน สกีลาชี โหม่งหลุดเสานิดเดียว

อีก 2 นาทีถัดมา แรมซีย์ ลากบอลจากบริเวณกลางสนามมาซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่วางเท้าไม่ดีบอลเหินข้ามคานไปไกล เกมผ่านมาถึงนาที 22 อาร์เตตา ประสานงานกับ แรมซีย์ ทางริมเขตโทษด้านซ้าย ก่อนที่กองกลางสแปนิช จะสับไกเรียดหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดโคนเสานออกไปอีกเหมือนเดิม

ขณะที่ ลีดส์ มาได้ลุ้นครั้งแรกของเกมในนาที 24 หลังจากแนวรับ ปืนโต เคลียร์บอลจากลูกฟรีคิกไม่ขาด เบกคิโอ ได้ซัดในเขตโทษเหินข้ามคานออกไปเช่นกัน ต่อมานาที 33 เจ้าถิ่นมีปัญหาเล็กน้อยที่ ฟรานซิส โกเกแลง เจ็บต้นขาต้องเปลี่ยนตัวออก นิโก เยนนาริส ดาวรุ่งอีกคนลงมาแทน หลังจากนั้น อาร์เซนอล ก็ครองเกมอยู่ข้างเดียว แต่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาดพอทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

กันเนอร์ส ลงสนามมาบุกต่อในครึ่งหลัง นาที 53 แชมเบอร์เลน กระชากบอลขึ้นมาทางซ้ายจนสุดเส้นหลัง ก่อนตบกลับเข้ากลาง ชามักห์ เก็บบอลได้แล้วแตะย้อนมาให้ อาร์เตตา ซัดเรียดติดมือ แอนดี โลเนอร์แกน นายด่านทีมเยือน

หลังจากเห็นเกมรุกของทีมไม่เด็ดขาด อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ตัดสินใจเปลี่ยน อองรี ลงสนามมาแทนที่ ชามักห์ ในนาที 67 โดยแฟนบอลเจ้าบ้าก็ปรบมือต้อนรับขวัญใจอย่างกึกก้อง ธีโอ วัลคอตต์ ก็ถูกส่งลงมาในเวลาเดียวกันแทน แชมเบอร์เลน

อองรี ก็กลายเป็นฮีโรซัดประตูนำ 1-0 ให้เจ้าถิ่นในนาที 78 หลังจากได้บอลมาจาก อเล็กซ์ ซง จนหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนปั่นบอลโค้งอันเป็นเครื่องหมายการค้าของตัวเองผ่านมือ โลเนอร์แกน ซุกก้นตาข่าย หลังจากเสียประตู ลีดส์ พยายามทำเกมบุกมากขึ้นจนมีโอกาสลุ้น 3 จังหวะ แต่ก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ วอจเชียช เซสนีย์ ได้จบเกม อาร์เซนอล เอาชนะไป พร้อมผ่านเข้าสู่รอบสี่ไปเจอกับ แอสตัน วิลลา

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล - วอจเชียช เซสนีย์, เซบาสเตียน สกีลาชี, โลรองต์ กอสเซียลนีย์, อิกนาซี มิเกล, มิเกล อาร์เตตา, อังเดร อาร์ชาวิน, อเล็กซ์ ซง, อารอน แรมซีย์, ฟรานซิส โกเกแลง, อเล็กซ์ แชมเบอร์เลน, มารูยาน ชามักห์
ลีดส์ ยูไนเต็ด - แอนดี โลเนอร์แกน, ดาร์เรน โอเดีย, ไอดัน ไวท์, ทอม ลีส์, แซค ธอมป์สัน, มิกา วายรีเนน, แดนนี พูจ, รามอน นูเนซ, อดัม เคลย์ตัน, อันดรอส ทาวน์เซนด์, ลูเซียโน เบกคิโอ
Read More

ผลการจับสลากประกบคู่ รอบสี่ ฟุตบอลเอฟเอ คัพ

ผลการจับสลากประกบคู่ รอบสี่ ฟุตบอลเอฟเอ คัพ

ไบรท์ตัน หรือ เร็กซ์แฮม พบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ซันเดอร์แลนด์ พบ มิดเดิลสโบรช์
ดาเกนแฮม หรือ มิลล์วอลล์ พบ เซาแธมป์ตัน
ฮัลล์ ซิตี พบ ครอวลีย์
เอ็มเค ดอนส์ หรือ ควีนส์ปาร์ก เรนเจอร์ พบ เชลซี
เวสต์บรอมวิช พบ นอริช ซิตี
แบล็กพูล พบ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์
อาร์เซนอล หรือ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบ แอสตัน วิลลา
สตีฟเนจ พบ นอตต์ส เคาน์ตี
วัตฟอร์ด พบ ทอตแนม ฮอตสเปอร์
ลิเวอร์พูล พบ แมนฯ ยูไนเต็ด
ดาร์บี เคาน์ตี พบ สโต๊ค ซิตี
เอฟเวอร์ตัน พบ ฟูแลม
แม็คเคิลฟิลด์ หรือ โบลตัน วันเดอเรอร์ พบ สวอนซี ซิตี
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ เบอร์มิงแฮม หรือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์
นอตติงแฮม ฟอเรสต์ หรือ เลสเตอร์ ซิตี พบ สวินดอน ทาวน์
Read More

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คลิปไฮไลท์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ประตู
0 - 1 รูนี่ย์ นาที 10
0 - 2 เวลเบ็ค นาที 30
0 - 3 รูนี่ย์ นาที 40
1 - 3 โคลารอฟ 48'
2 - 3 อกูเอโร 64'
Read More

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล้างแค้นเอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่าและคู่อริร่วมเมือง ซึ่งเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ต้นครึ่งแรกไปแบบหวุดหวิด 3-2 จนผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบสาม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค.2555

ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ
แมนฯ ซิตี 2 - 3 แมนฯ ยูไนเต็ด

เกมฟาดแข้งของสองทีมนำบนตารางลีกเมืองผู้ดีและคู่อริร่วมเมือง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี เปิดสนามอิทิฮัด สเตเดียม รับมือ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเกมนี้เจ้าถิ่นพัก โจฮาร์ท นายด่านตัวจริงให้ คอสเทล พานทิลิมอน ลงเฝ้าเสาแทน นอกจากนี้ทีมยังมีปัญหาผู้เล่นกองหน้าที่ มาริโอ บาโลเตลลี และ เอดิน เชโก บาดเจ็บทำให้ เซร์คิโอ อกูเอโร ลงมายืนหน้าเป้าพร้อมมี ดาบิด ซิลบา และ อดัม จอห์นสัน คอยสนับสนุนทางริมเส้น ทางฝั่งทีมเยือนซึ่งประสบปัญหาฟอร์มการเล่นแพ้ในเกมลีก 2 นัดหลังสุดวาง เวย์น รูนีย์ และ แดนนี เวลเบ็ก ยืนล่าตาข่ายร่วมกัน พร้อมกับมี พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์ซึ่งเลิกแขวนสตั๊ดกลับมาช่วยทีมอีกครั้งนั่งเป็นสำรอง

เปิดฉากครึ่งแรก แมนฯ ซิตี เป็นฝ่ายครองบอลทำเกมบุกดีกว่า แต่ยังหาจังหวะยิงแบบเน้นๆไม่ได้ กระทั่งนาที 10 แมนฯ ยูไนเต็ด บุกขึ้นมาเป็นครั้งแรก รูนีย์ จ่ายบอลไปทางกราบขวาให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ก่อนที่ปีกชาวเอกวาดอร์วางบอลเข้ามาลุ้นในกรอบเขตโทษ รูนีย์ ขึ้นโหม่งไม่ถนัด แต่กลายเป็นดีบอลเสียบใต้คานหมดสิทธิ์ที่ พานทิลิมอน จะป้องกันทำให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

อีก 2 นาทีถัดมา สถานการณ์ของเจ้าถิ่นยิ่งย่ำแย่เมื่อ แวงซองต์ กอมปานี ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังพุ่งเสียบสองเท้าใส่ นานี แม้ว่าไม่โดนตัวปีกชาวโปรตุกีส แต่ คริส ฟอย กรรมการมองว่าเข้าบอลอันตราย ต่อมานาที 14 อกูเอโร มีโอกาสสับไกยิงจากนอกเขตโทษให้ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด นายทวารทีมเยือนต้องออกแรงพุ่งปัดบอลทิ้งไป

ผีแดง เริ่มควบคุมเกมได้ทั้งหมด ขณะที่ เรือใบสีฟ้า ทำได้เพียงรอจังหวะโต้กลับ แต่เกมมาถึงนาที 27 ริโอ เฟอร์ดินานด์ จ่ายบอลพลาดบริเวณหน้าเขตโทษตัวเอง บอลไปเข้าทาง อกูเอโร แตะเข้าไปซัดมุมแคบในกรอบ 18 หลา บอลเข้าข้างตาข่าย กระทั่ง 3 นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทำสกอร์หนี 2-0 นานี ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนแทงบอลให้ ปาทริซ เอฟรา หลุดไปถึงเส้นหลัง ตบกลับเข้ากลาง บอลแฉลบผู้เล่นเจ้าถิ่นมาเข้าทาง เวลเบ็ก ตวัดยิงผ่านมือ พานทิลิมอน เสียบเสาสอง

รูนีย์ โหม่งซ้ำลูกจุดโทษให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 3-0 ในครึ่งแรก
แมนฯ ยูไนเต็ด พับสนามบุกฝั่งเดียว เกมมาถึงนาที 38 ไรอัน กิ๊กส์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ เวลเบ็ก พยายามแต่งบอลหาช่องยิง จนถูก อเลกซานเดอร์ โคลารอฟ เสียบสกัดล้มลงได้จุดโทษ รูนีย์ รับหน้าที่สังหาร จังหวะแรกติดเซฟ พานทิลิมอน แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษโหม่งซ้ำดาบสองไม่เหลือทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันขึ้นนำ 3-0 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เวลเบ็ก เกือบบวกเพิ่มอีกลูก แต่ชาร์จลูกเปิดของ วาเลนเซีย จ่อๆหน้าปากประตูหลุดเสาสอง หลังจากนั้นกรรมการเป่านกหวีดยาวจบเกมครึ่งแรก

เกมครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี เปลี่ยนเอา ซิลบา และ จอห์นสัน ออกพร้อมส่ง พาโบล ซาบาเยตา และ สเตฟาน เซวิช ลงมาแทน โดยเกมผ่านมาเพียง 3 นาที เจ้าถิ่นมีความหวังเล็กๆเมื่อสามารถทำสกอร์ตีตื้นไล่มา 1-3 จากลูกฟรีคิกระยะ 20 หลาหน้าเขตโทษ หลังจาก ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ถูกทำฟาวล์จาก เอฟรา และเป็น โคลารอฟ ปั่นด้วยซ้ายข้ามกำแพง ลินเดการ์ด พุ่งปัดไม่ทัน บอลเสียบเสาเข้าไป

เกมมาถึงนาที 59 พอล สโคลส์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาแทนที่ นานี โดยแฟนๆผีแดงในสนามอิทิฮัด สเตเดียม ก็ปรบมือต้อนรับขวัญใจของพวกตน แต่หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่อนเกมจนมาพลาดเสียอีกประตู เริ่มจากความผิดพลาดของ สโคลส์ จ่ายบอลสั้นบริเวณริมเส้นด้านขวาถูก เจมส์ มิลเนอร์ ฉกเอาบอลแตะไปถึงเส้นหลัง ก่อนที่ปีกทีมชาติอังกฤษเปิดบอลเข้ากลาง อกูเอโร ตวัดยิงติดขา ลินเดการ์ด แต่กองหน้าอาร์เจนไตน์ตามซ้ำไม่พลาดให้ เรือใบสีฟ้า ไล่มา 2-3

ทีมเยือนเริ่มเจอความกดดัน โดยเฉพาะในช่วง 15 นาทีสุดท้ายที่ถูก แมนฯ ซิตี ทำเกมบุกใส่จนกองหลังปั่นป่วน ทีมของ โรแบร์โต มันชินี เกือบมาตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษของ โคลารอฟ แต่โชคดี ลินเดการ์ด ป้องกันได้ สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ยันอยู่จนจบเกมจึงเอาชนะไป 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบสี่ได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี - คอสเทล พานทิลิมอน, โจเลียน เลสคอตต์, แวงซองต์ กอมปานี, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, อเลกซานเดอร์ โคลารอฟ, ไนเจล เดอ ยอง, เจมส์ มิลเนอร์, ซาเมียร์ นาสรี, ดาบิด ซิลบา, อดัม จอห์นสัน, เซร์คิโอ อกูเอโร
แมนฯ ยูไนเต็ด - อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, คริส สมอลลิง, ฟิล โจนส์, ไมเคิล คาร์ริก, ไรอัน กิ๊กส์, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, นานี, เวย์น รูนีย์, แดนนี เวลเบ็ก
Read More

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

อย่าลืมกด Like ให้ด้วยนะครับ

Blog Archive

7m, ผลบอลพรีเมียร์, วิเคราะห์บอลพรีเมียร์, ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์, ตารางคะแนนบอลพรีเมียร์, โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์, โปรแกรมถ่ายทอดสดบอลพรีเมียร์, ตารางบอล, คลิปฟุตบอล, คลิปไฮไลท์, คลิปไฮไลท์บอลพรีเมียร์, สยามกีฬา, บ้านผลบอล, เซียนสเต็ป, ล้มโต๊ะ, Goal, ดูบอลพรีเมียร์ออนไลน์, ผลบอลสด, ฟุตบอล, ผลบอลวันนี้, บอลวันนี้, ผลบอลเมื่อคืน, ผลฟุตบอล, ฟุตบอลวันนี้, โปรแกรมฟุตบอล, บอล, ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, ตารางบอล, ข่าวฟุตบอล, คลิบฟุตบอล, เกมส์ุฟุตบอล, ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, ผลฟุตบอลสด, football, soccer

ข่าวสโมสรพรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้งหมด

Man Utd (151) Liverpool (148) Chelsea (62) Tottenham (61) Arsenal (60) Man City (51) Aston Villa (45) Newcastle (45) Stoke (42) Fulham (40) Sunderland (35) Everton (33) West Brom (31) Wigan (29) Swansea (25) Bolton (24) Blackburn (23) Norwich (22) QPR (22) West Ham (18) Birmingham (10) Blackpool (10) Reading (10) Southampton (10) Cardiff City (3) Crystal Palace (2) Hull City (2)