Monday, August 13, 2012

ผลฟุตบอล เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ 12 ส.ค. 55 | เชลซี 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี

ผลฟุตบอล เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ 12 ส.ค. 55 | เชลซี 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี
ผลฟุตบอล เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์ ณ สนาม วิลลา ปาร์ค
เชลซี 2 - 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี

"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ พลิกยิงแซงเฉือนชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่เหลือ 10 คน ไปได้ 3-2 คว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ประจำปีนี้ไปครองได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอลศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อังกฤษ ประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2555 ระหว่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี แชมป์ เอฟเอคัพ ซีซั่นก่อน พบกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีซีซั่นก่อน ที่สนาม วิลล่า พาร์ค

"สิงโตน้ำเงินคราม" ของกุนซือ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ผลงานอุ่นเครื่อง 3 นัดหลังไม่ดีเลย แพ้ ออลสตาร์ส เมเจอร์ลีก 2-3, แพ้ เอซี มิลาน 0-1 ที่ สหรัฐอเมริกา และนัดล่าสุดแพ้ ไบรท์ตัน อีก 1-3 เกมนี้มาในระบบ 4-3-3 เริ่มจาก ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา แผงหลัง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลาง รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วน 3 แนวรุกเป็นหน้าที่ของ ฆวน มาต้า, เอแด็ง อาซาร์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

ทางฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" แชมป์พรีเมียร์ลีก ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเสริมทัพในฤดูกาลนี้เลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นสภาพทีมยังคงเป็นชุดเดิมจากเมื่อซีซั่นที่แล้ว เกมนี้มาในระบบ 4-2-3-1 คอสเตล พานติลิมัน เฝ้าเสา แผงหลัง ปาโบล ซาบาเลต้า, แวงซ็องต์ ก็อมปานี, สเตฟาน ซาวิช, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แดนกลาง ยาย่า ตูเร่ กับ ไนเจล เดอ ยองก์ ทำหน้าที่คุมเกมรับ แนวรุกเป็นหน้าที่ของ เจมส์ มิลเนอร์, ซามีร์ นาสรี่, คาร์ลอส เตเวซ ส่วนหน้าเป้า เซร์คิโอ อเกวโร่

เริ่มเกมครึ่งแรกมา 3 นาทีเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิกหน้าเส้นเขตโทษทางซ้าย คาร์ลอส เตเวซ บรรจงปั่นด้วยขวาบอลโค้งผ่านกำแพง เเต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังทุบออกข้างไปได้หวุดหวิด

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 16 "เรือใบสีฟ้า" ที่เดินหน้าบุกแหลก มีโอกาสได้ลุ้นจากจังหวะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ แทงบอลมาให้ ซามีร์ นาสรี่ หลุดเข้าไปในเขตโทษทางซ้ายได้ยิงมุมแคบ แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังไวออกมาปิดมุมเซฟบอลออกหลังไปได้

น.25 เป็นฝ่าย เชลซี ได้มีโอกาสบ้าง รามิเรส พาบอลขึ้นไปทางฝั่งขวาก่อนเปิดเข้าไปในเขตโทษให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ซัดด้วยขวา เเต่บอลไปเข้ามือ คอสเตล พานติลิมัน เซฟไว้ได้

น.29 "สิงห์บลูส์" มาได้ลุ้นอีกครั้งจากการยิงไกลของ เอแด็ง อาซาร์ แม้บอลจะพุ่งแรง แต่ คอสเตล พานติลิมัน ยังล้มตัวเซฟไว้ได้

น.40 เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ รามิเรส เก็บตกบอลได้บริเวณหัวกะโหลก ก่อนแหวกหนีกองหลัง แมนฯ ซิตี้ แล้วจ่ายบอลมาให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ยืนว่างอยู่ในเขตโทษจิ้มบอลด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลสวนตัว คอสเตล พานติลิมัน เข้าไปตุงตาข่าย

แต่อีก 2 นาทีต่อมา เชลซี ก็ต้องเหลือผู้เล่นเพียงเเค่ 10 คน เมื่อ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ไปสไลด์เปิดปุ่มใส่ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แบบน่าเกลียด เควิน เฟรนด์ วิ่งตรงไปแจกใบแดงให้ อิวาโนวิช ทันที

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม หมดครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำ แมนฯ ซิตี้ 1-0 แต่เหลือนักเตะในสนามแค่ 10 คนเท่านั้น

เริ่มเกมในครึ่งหลังมาได้ 3 นาที เชลซี ที่คนน้อยกว่ามาได้ลุ้นก่อนจากลูกวอลเลย์ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานออกหลังไป

น.53 "เรือใบสีฟ้า" มาตามตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ จอห์น เทอร์รี่ สกัดบอลไปเข้าทาง ยาย่า ตูเร่ แตะบอลตรงกรอบเขตโทษ ก่อนตะบันยิงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาแรกอย่างงดงาม ให้ แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอเป็น 1-1

น.59 แมนฯ ซิตี้ มาได้เฮอีกครั้ง เมื่อ คาร์ลอส เตเวซ ได้บอลตรงกรอบเขตโทษทางซ้าย ก่อนพาบอลลากหนี ดาวิด ลุยซ์ มาตรงบริเวณหัวกะโลก แล้วตะบันด้วยเท้าขวาเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นสกอร์ให้ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 2-1

น.65 "เรือใบสีฟ้า" ที่บุกอย่างต่อเนื่องและมาได้ลูกที่ 3 จนได้เมื่อ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ เติมเกมหลุดมาถึงเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนเปิดตวัดเข้ากลางให้ ซามีร์ นาสรี่ กระโดดดีดบอลด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลตุงตาข่าย เป็นประตูให้ แมนฯ ซิตี้ นำห่าง 3-1

น.80 เชลซี มีฮึดทำประตูไล่มาเป็น 3-2 จากจังหวะที่ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลองสับไกยิงหน้าเขตโทษด้วยซ้าย บอลไปตรงตัว คอสเตล พานติลิมัน เเต่รับกระฉอก ไรอัน เบิร์ตทรานด์ ไม่รอช้าวิ่งเข้าไปตามซ้ำจ่อๆ เข้าประตูไป

ช่วงท้ายเกม "เรือใบสีฟ้า" ครองบอลบุกเข้าใส่ เชลซี ได้มากกว่าอย่างชัดเจน เเต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบเกม แมนฯ ซิตี้ เฉือนเอาชนะ เชลซี ไปอย่างสนุก 3-2 คว้าโล่การกุศล ไปครอง

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม

เชลซี : ระบบ 4-3-3ปีเตอร์ เช็ก (ผู้รักษาประตู) - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - ฆวน มาต้า (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.73), เอแด็ง อาซาร์ (ไรอัน เบิร์ตทรานด์ น.70), เฟร์นานโด ตอร์เรส

แมนฯ ซิตี้
: ระบบ 4-2-3-1คอสเตล พานติลิมัน (ผู้รักษาประตู) - ปาโบล ซาบาเลต้า, แวงซ็องต์ ก็อมปานี, สเตฟาน ซาวิช (กาแอล กลิชี่ น.45), อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ยองก์ - เจมส์ มิลเนอร์, ซามีร์ นาสรี่ (ดาบิด ซิลบา น.75), คาร์ลอส เตเวซ (เอดิน เชโก้ น.87) - เซร์คิโอ อเกวโร่

ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

คลิปไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

อย่าลืมกด Like ให้ด้วยนะครับ

Blog Archive

7m, ผลบอลพรีเมียร์, วิเคราะห์บอลพรีเมียร์, ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์, ตารางคะแนนบอลพรีเมียร์, โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์, โปรแกรมถ่ายทอดสดบอลพรีเมียร์, ตารางบอล, คลิปฟุตบอล, คลิปไฮไลท์, คลิปไฮไลท์บอลพรีเมียร์, สยามกีฬา, บ้านผลบอล, เซียนสเต็ป, ล้มโต๊ะ, Goal, ดูบอลพรีเมียร์ออนไลน์, ผลบอลสด, ฟุตบอล, ผลบอลวันนี้, บอลวันนี้, ผลบอลเมื่อคืน, ผลฟุตบอล, ฟุตบอลวันนี้, โปรแกรมฟุตบอล, บอล, ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, ตารางบอล, ข่าวฟุตบอล, คลิบฟุตบอล, เกมส์ุฟุตบอล, ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, ผลฟุตบอลสด, football, soccer

ข่าวสโมสรพรีเมียร์ลีกอังกฤษทั้งหมด

Man Utd (151) Liverpool (148) Chelsea (62) Tottenham (61) Arsenal (60) Man City (51) Aston Villa (45) Newcastle (45) Stoke (42) Fulham (40) Sunderland (35) Everton (33) West Brom (31) Wigan (29) Swansea (25) Bolton (24) Blackburn (23) Norwich (22) QPR (22) West Ham (18) Birmingham (10) Blackpool (10) Reading (10) Southampton (10) Cardiff City (3) Crystal Palace (2) Hull City (2)